วันอาทิตย์ที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

                              

                               มะม่วงอร่อย!..ต้านโรค

 


  คนส่วนใหญ่ยอมรับแล้วว่า “มะม่วง” คือ ผลไม้ยอดนิยม เพราะนอกจากรับประทานได้อร่อยทั้งผลสุกและผลดิบแล้ว ยังช่วยในการต้านโรคร้ายๆ อาทิ โรคมะเร็ง โรคหัวใจ พิษในลำไส้ นิ่วในไต โรคโลหิตจาง โรคคอตีบ โรคไขข้ออักเสบ ซึ่งสามารถบรรเทาและป้องกันได้ด้วยการกินมะม่วงเพียงลูกเดียว

     ประเทศไทยกับมะม่วง 

          การปลูกมะม่วงทั่วประเทศไทยมีมากมายไม่ว่าจะไปที่ไหนก็สามารถพบเห็นและหารับประทานได้ไม่ยาก จนสามารถส่งออกต่างประเทศได้ถึงปีละ 30% ของการส่งออกผลไม้ทั้งหมด นอกเหนือจากการส่งออกแล้ว ยังแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ ส่วนใหญ่นิยมนำมาแปรรูปเป็นมะม่วงดอง ที่มีการผลิตอย่างแพร่หลายในโรงงานผักผลไม้ดองทั้งขนาดเล็กและขนาดกลางในกรุงเทพมหานครและ ต่างจังหวัด ด้วยพื้นความรู้ที่ถ่ายทอดกันมาไม่มีหลักเกณฑ์ทางวิชาการที่แน่นอน ทำให้มีการปฏิบัติกันอย่าง ไม่ถูกสุขลักษณะและมีการใช้สารเจือปนในปริมาณและชนิดที่ไม่เหมาะสม เพียงเพื่อทำให้มะม่วงดองมีลักษณะ ที่ผู้บริโภคต้องการและมีอายุการเก็บนาน โดยไม่ได้คำนึงถึงความเสี่ยงอันตรายต่อสุขภาพของผู้บริโภค
         เจ็บไข้ได้ป่วย..โรคร้าย..มะม่วงช่วยได้
         โดยเอนไซม์ที่อยู่ในมะม่วงอย่าง magneferin, katechol oxidase และ lactase มีคุณสมบัติในการย่อยโปรตีนจากเนื้อสัตว์ ล้างพิษในลำไส้ และสามารถต่อสู้กับเชื้อโรค ต้นเหตุของการเจ็บป่วย กรดคาร์บอลิกเป็นอีกหนึ่งของสารอาหารที่ทำหน้าที่รักษาและสกัดกั้นเชื้อมะเร็งในกระเพาะปัสสาวะ สาร Mangiferin จากใบอ่อนของมะม่วง สามารถรักษาอาการอักเสบ ต้านแบคทีเรีย และป้องกันคราบแบคทีเรียในฟันได้ นอกจากนี้สาร Mangiferin ยังมีคุณสมบัติในการต้านเชื้อไวรัส ที่เกิดบนผิวหนัง โดยการนำมาประยุกต์ใช้ในรูปแบบของขี้ผึ้ง

         สรรพคุณทางยา ของมะม่วง ในทางแพทย์แผนไทย
 ผลสดแก่ รับประทานแก้คลื่นไส้อาเจียน วิงเวียน กระหายน้ำ
 ผลสุก หลังรับประทานแล้วล้างเมล็ดตากแห้ง ต้มเอาน้ำดื่ม หรือบด เป็นผง รับประทานแก้ท้องอืดแน่น ขับพยาธิ
 ใบสด 15–30 กรัม ต้มเอาน้ำดื่ม แก้ลำไส้อักเสบเรื้อรัง ท้องอืดแน่น เอาน้ำต้มล้างบาดแผลภายนอกได้
 เปลือกต้น ต้มเอาน้ำดื่ม แก้ไข้ตัวร้อน
 เปลือกผลดิบ คั่วรับประทานร่วมกับน้ำตาล แก้อาการปวดเมื่อย เมื่อมีประจำเดือน แก้ปวดประจำเดือน
         องค์กรระดับโลกยอมรับ “มะม่วง” ในฐานะอาหารที่มีสรรพคุณเป็นยา
จากคำแนะนำของ WHO หรือ องค์การอนามัยโลก ระบุว่ามะม่วงสามารถนำมาใช้ในการรักษาโรคบิดและโรคหัดได้ เพราะในมะม่วงมีคุณสมบัติเช่นเดียวกับแครอท โดยมีแครอทีนและวิตามินซีสูง ซึ่งทำหน้าที่ในการดูดซึมธาตุเหล็กจากอาหารและป้องกันภาวะการเกิดโลหิตจางในกลุ่มคนที่กินอาหารมังสวิรัติ นอกจากนี้มะม่วงยังมีแคลเซียมสูงจึงสามารถรักษาอาการเลือดตกในได้
         อินเดีย ใช้ประโยชน์หลากหลายของ “มะม่วง”
ที่ประเทศอินเดียใช้มะม่วงเป็นตัวสร้างเม็ดเลือด โดยเฉพาะสำหรับผู้หญิงที่อยู่ในระหว่างตั้งครรภ์และมีประจำเดือน ด้วยการนำใบมะม่วงตากแห้งมาบดเป็นผง ผสมกับน้ำ 1 แก้ว ดื่มก่อนนอนทุกวัน มีคุณสมบัติรักษาก้อนนิ่วในไตได้ จะทำให้ก้อนเนื้อค่อยๆ ลดขนาดลง หากเป็นโรคกระเพาะอาหารอักเสบ แก้ด้วยการต้มและสกัดเปลือกมะม่วง ช่วยรักษาอาการติดเชื้อในเยื่อบุกระเพาะอาหารให้ทุเลาลง ประโยชน์จากเม็ดมะม่วงตากแห้งกลายเป็นแปรงสีฟันอย่างดี เมื่อนำมาแปรงแล้วจะทำให้เหงือกแข็งแรงและช่วยลดกลิ่นปากได้
         นอกจากเนื้ออร่อย..ส่วนอื่นก็มีประโยชน์
เปลือกมะม่วงยังมีสาร mangiferine ที่ทำหน้าที่เป็นยาบำรุงผิว ห้ามเลือด แผลพุพอง โรคไขข้ออักเสบ โรคคอตีบ และอาการท้องเสีย โดยการใช้ใบมะม่วงตากแห้งแล้วนำมาบดเป็นผง ผสมกับน้ำครั้งละครี่งช้อนชา ดื่มวันละ 2-3 ครั้งจะลดอาการท้องเสียได้ เนื่องจากในมะม่วงมีวิตามินเอสูง ซึ่งวิตามินเอมีประโยชน์บำรุงสายตาช่วยในการมองเห็น เด็กและสตรีมีครรภ์ควรกินมะม่วงเป็นประจำ เพราะวิตามินเอมีส่วนช่วยในการบำรุงรกและทารกในครรภ์ อีกทั้งยังลดอัตราการแท้งลูกได้
          แทบไม่น่าเชื่อเลยว่าผลไม้พื้นบ้านที่มีปลูกกันทั่วไปและบริเวณบ้านแทบทุกครัวเรือนที่สามารถกินได้ทั้งผลสุกและผลดิบอย่างมะม่วงจะมีประโยชน์ต่อร่างกายมหาศาล ทั้งอุดมไปด้วยวิตามิน แร่ธาตุ โปรตีน ไขมัน แครอรี่ เกลือแร่ ซึ่งสารอาหารต่างๆเหล่านี้ช่วยเสริมสร้างร่างกายให้แข็งแรง คงขึ้นอยู่กับว่าเราจะนำคุณค่าจากส่วนใดมาใช้ และในฐานะคนไทยที่ผูกพันกับมะม่วงคงช่วยกันรักษาสายพันธุ์ที่มีมากกว่า 100 สายพันธุ์ให้คงอยู่ไปชั่วลูกชั่วหลานได้ใช้คุณค่ามหาศาลจากมะม่วงด้วย

                                                                          แหล่งอ้างอิง http://www.ku.ac.th/e-magazine/april45/agri/mango.html
http://www.rakbankerd.com/agriculture/open.php?id=902&s=tblplant
                                                                          สืบค้นวันที่ 4 ก.พ 56

2 ความคิดเห็น: